พัดลมอีแวป หรือ ระบบอีแวป (Evap) สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม
ถ้าพูดถึง พัดลมอีแวป มั่นใจได้ในคุณภาพ บริการ และความเชี่ยวชาญในการทำงานอย่างมืออาชีพด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีที่ผ่านมา
ในการแก้ไขปัญหาความร้อน ทั้งในพื้นที่เปิดและพื้นที่ปิด ให้กับโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย
เรายืนหยัดสร้างสรรค์พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ช่วยลดการใช้พลังงาน ลดค่าไฟฟ้า เพื่อตอบสนองต่อธุรกิจ และอุตสากรรม
พัดลมอีแวป หรือ ระบบอีแวป (Evap) ดีอย่างไร?
ระบบอีแวป (Evap) คือ การนำอากาศจากภายนอกที่อุณหภูมิปกติ 35 – 40 องศาเซลเซียส มาผ่านอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนที่มีชื่อว่า cooling pad หรือแผงทำความเย็น โดยหลักอาศัยหลักการระเหยตัวของน้ำ ทำให้อากาศมีอุณหภูมิลดต่ำลง 5 – 15 องศาเซลเซียส จึงได้ลมเย็นไปใช้ในการปรับอากาศให้กับบริเวณที่ต้องการ เช่น ภายในโรงงานอุตสาหกรรม หรือ การลดอุณหภูมิอากาศก่อนนำไประบายความร้อนให้เครื่องจักร ระบบอีแวปหรือระบบทำลมเย็นถูกใช้อย่างแพร่หลาย ในประเทศไทย ทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมการประกอบชิ้นส่วน อุตสาหกรรมพลาสติก อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ใช้ในงานเกษตรกรรมและปศุสัตว์ และอื่นๆอีกมากมาย ใช้เงินลงทุนในการติดตั้งระบบอีแวป ต่ำกว่าการติดตั้งระบบปรับอากาศ (Air Conditioner) และประหยัดพลังงานมากกว่า ในขนาดความสามารถทำความเย็นเท่ากัน ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำ ระบบไม่ซับซ้อน ง่ายต่อการบำรุงรักษา ไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เฉพาะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปราศจากสารทำความเย็น CFC ไม่สร้างภาวะเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน สามารถออกแบบให้อาคารเป็น Positive Pressure หรือ Negative Pressure เพื่อสร้างม่านอากาศป้องกันสิ่งเจือปนจากภายนอก สามารถใช้งานทั้งในอาคารปิด และพื้นที่โล่งกลางแจ้ง
หลักการออกแบบ ระบบระบายอากาศ
จะต้องคำนึงถึงการไหลเวียนถ่ายเทอากาศภายในพื้นที่ในการออกแบบระบบ จะแบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆ
แบบจ่ายลมเป็นจุด (Spot Air Flow)

ลักษณะการออกแบบรูปแบบนี้ คำนึงถึงการปฏิบัติงานปกติของพนักงาน โดยมีจุดตำแหน่งทำงานคงที่ไม่ ประจำจุดตลอดเวลา ลักษณะนี้จะเน้นในเรื่องจุดตำแหน่งการจ่ายลมเป็นหลักและระยะความยาวแนวเดินท่อลมจะต้องเหมาะสมกับการออกแบบและสัมพันธ์กับจุดตำแหน่งทำงานของพนักงาน
แบบระบายอากาศทั้งพื้นที่ (Free Blow)

ลักษณะการออกแบบรูปแบบนี้ ต้องคำนึงถึงอัตราการระบายอากาศในพื้นที่ ( Air Change ) จำนวนครั้งใน 1 ชั่วโมง การออกแบบอัตราการระบายอากาศจะต้องออกแบบไม่น้อยกว่าค่าที่กฏหมายกำหนดไว้ อัตราการระบายอากาศยิ่งเปลี่ยนถ่ายอากาศยิ่งมากก็จะยิ่งได้อากาศใหม่ที่เข้ามาแลกเปลี่ยน Fresh Air ก็มากขึ้น ทำให้การ ระบายอากาศภายในพื้นที่ดีขึ้น ค่าแนะนำในการออกแบบควรไม่น้อยกว่า 15 Air change ต่อห้อง
แบบระบบปิด (Close System)

ระบายอากาศด้วยวิธีระเหยน้ำ(ระบบปิด) เหมาะสำหรับการปรับอากาศในพื้นที่โล่ง อาคารขนาดใหญ่ที่มีแหล่งกำเนิดความร้อนสูง สถานที่ที่มีคนจำนวนมาก มีต้นทุนในการติดตั้งถูก ประหยัดค่าไฟฟ้ารายเดือน เพราะ ใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 5% ของระบบปรับอากาศแบบใช้คอมเพรสเซอร์
แบบจ่ายลมเป็นจุด (Spot Air Flow)

ระบายอากาศด้วยวิธีระเหยน้ำ(เฉพาะจุด) เหมาะสำหรับโรงงานที่มีตำแหน่งการทำงานของพนักงานเป็นจุดประจำ และยาวต่อเนื่อง การส่งลมเย็นจะสามารถต่อท่อลมไปได้ตามความต้องการ เป็นการนำอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกส่งเข้าไปทำความเย็นในอาคาร มีการระบายอากาศ เพื่อถ่ายเทอากาศร้อนออก
แบบทั้งพื้นที่ (Free Blow)

ระบายอากาศด้วยวิธีระเหยน้ำ (ระบบปิด) เหมาะกับการปรับอากาศในพื้นที่โล่ง สถานที่ที่มีคนจำนวนมาก อาคารขนาดใหญ่ที่มีแหล่งกำเนิดความร้อนสูง มีต้นทุนในการติดตั้งถูก และใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 5% ของระบบปรับอากาศแบบใช้คอมเพรสเซอร์
แบบเคลื่อนที่ (Mobile Unit)

ระบายอากาศด้วยวิธีระเหยน้ำ(แบบเคลือนที่) สำหรับร้านอาหาร งานแสดงสินค้าหรือพื้นที่กลางแจ้งที่เครื่องปรับอากาศทำงานไม่ได้ ตัวเครื่องจะทำหน้าที่นำพาอากาศเข้ามาเพื่อลดอุณหภูมิทำให้อากาศเย็นลงจากนั้นจะส่งอากาศเย็นออกจากตัวเครื่อง
หลักการทำงานของระบบอีแวป

ระบบอีแวป (Evaporative Cooling Systems) จะมีแผ่นคูลลิ่งแพด(Cooling Pad) หรือแผงทำความเย็น ซึ่งมีน้ำที่ถูกฉีดโดยปั๊มน้ำไหลผ่านทั่วแผ่นอยู่ภายใน เมื่อลมไหลผ่านแผ่นคูลลิ่งแพด (Cooling Pad) ที่เปียกน้ำ ลมที่มีความร้อนปะปนมาจะทำปฏิกริยากับน้ำ ซึ่งมีอุณหภูมิที่เย็นกว่า ทำให้ความร้อนจะระเหยออกไปในระดับนึง เป็นเหตุให้อุณหภูมิลดลงได้ 5 – 15 องศาเซลเซียส ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของอุณหภูมิของน้ำและอากาศหรือลมร้อนที่ไหลผ่านแผ่นคูลลิ่งแพด แล้วพัดลมขนาดใหญ่จะส่งลมเย็นไปยังเป้าหมายที่ต้องการดังนั้น ระบบอีแวป (Evaporative Cooling Systems) จึงสามารถลดอุณหภูมิ และส่งกระแสลมเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยหลักการดังกล่าว
สอบถามเพิ่มเติมโทร.092-223-5192